วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
เป็นส่วนอกุศล เป็นฝ่ายอกุศล ธรรมเหล่านั้นทังหมด มีใจเป็นประธาน
ใจย่อมเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น ดังคาถาประพันธ์ที่ตรัสไว้ว่า

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นประธาน มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จด้วยใจ
ถ้าบุคคลมีใจอันโทษประทุษร้ายแล้ว จะพูดก็ตาม จะกระทำก็ตาม
เพราะทุจริต ๓ อย่างนั้น ทุกข์ย่อมตามเขาไป เหมือนล้อหมุนไปตามรอย
เท้าโคตัวลากเกวียน ฉะนั้น ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นประธาน 
มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว
จะพูดก็ตาม จะกระทำก็ตาม เพราะสุจริต ๓ อย่างนั้น สุขย่อมไปตามเขา
เหมือนเงาไปตามตัว ฉะนั้น สัตวโลกอันจิตย่อมนำไป 
ย่อมกระเสือกกระสนไปเพราะจิต สัตว์ทั้งหมดทีเดียว 
ย่อมเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่ง คือจิต ดังนี้.


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมองเพราะจิตเศร้าหมอง
ย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตนี้เป็นประภัสสร
แต่ก็จิตนั้นแลเศร้าหมองแล้ว เพราะอุปกิเลสทั้งหลายจรมา.
ดูก่อนคหบดี เมื่อบุคคลไม่รักษาจิต แม้กายกรรมก็ชื่อว่าเธอไม่รักษา
แม้วจีกรรมก็ชื่อว่าไม่รักษา แม้มโนกรรมก็ชื่อว่าไม่รักษา … 
ดูก่อนคหบดี เมื่อจิตไม่ถูกกิเลสรั่วรด กายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี
ก็ไม่ถูกกิเลสรั่วรด เพ่งถึงโลกิยธรรมอย่างนี้ด้วยประการฉะนี้
บัณฑิตพึงทราบว่า จิตเป็นใหญ่ เป็นธุระ เป็นประธาน ดังนี้

จาก 
อรรถกถาจิตตุปาทกัณฑ์
อัฏฐสาลินี อรรถกถาธรรมสังคณี
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ ภาคที่ ๑ ธรรมสังคณีและอรรถกถา
หน้า ๒๓๖-๒๓๗
+ + + + + + + + + + + + + + + + +

ธรรมสวัสดีค่ะ :)  

ธรรมหรือความเป็นไปทั้งปวง จะดี (เป็นกุศล เป็นบุญ) ก็ตาม
จะไม่ดี (เป็นอกุศล เป็นบาป) ก็ตาม เกิดขึ้นได้ก็เพราะใจคิด ใจอยาก
ใจต้องการ ดังพระพุทธพจน์ข้างต้น 

วิธีการจะให้เกิดเฉพาะธรรมฝ่ายดี กรรมฝ่ายดี กรรมอันเป็นกุศล
เป็นบุญ ก็คือ การระวังรักษาจิตใจให้เป็นกุศลอยู่เสมอ
ว่าตามแนวการปฏิบัติก็คือ การมีสติระลึกรู้อยู่เสมอนั่นเอง

การมีสติรู้จิต หรือก็คือ จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
เป็นอันหนึ่งใน 'สติปัฏฐานสี่' อันพระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้แล้ว
ว่าเป็นเอกายนมรรค คำว่ามรรค ก็คือ ทาง หนทาง
คำว่าเอกายนมรรค คือ ทางเอกหรือทางเดียว มีอันเดียว
มีทางเดียว ที่เป็นทางสู่การพ้นทุกข์ 

หากจิตคิดไม่ดีหรือไม่มีสติเฝ้าระวังรักษาจิตอยู่ อกุศลคือ
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็ครอบงำได้ทุกเมื่อ
ทำให้จิตนั้นเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส เป็นทุกข์ นำมาซึ่งผล
อันเป็นทุกข์ ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในทุกข์ คือ วัฏสงสาร

เมื่อจิตคิดดีหรือมีสติรู้จิตเฝ้าระวังจิตอยู่ไม่ให้ความคิดไม่ดีทั้งปวงเกิดนั้น
ขณะนั้นๆ ความโลภก็ตาม ความโกรธก็ตาม ความหลงก็ตาม ก็เกิดไม่ได้
จิตขณะนั้นๆ ก็สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่เศร้าหมอง
พร้อมต่อการเกิดปัญญาสู่การพ้นทุกข์ยิ่งๆ

เจริญในธรรม:)
 จากคุณ : deedi

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/004182.htm

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก