วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พุทโธ" คือ "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน" .....ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าไม่ใช่เรา...

พุทโธ" คือ "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"

"ผู้รู้" คือ รู้อริยสัจจ รู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงของสรรพสิ่ง รู้ในไตรลักษณ์

"ผู้ตื่น" คือ ตื่นจากความหลงงมงาย จากการหลอกหลวงของกิเลสตัณหา
ตื่นจากความมืดบอดของอวิชชา ..

"ผู้เบิกบาน" คือ เมื่อรู้แจ้งเห็นจริง ไม่หลง ไม่งมงาย ไม่มืดบอดจากอวิชชา
ย่อมเป็นผู้เบิกบาน จิตไม่เศร้าหมอง ไม่เศร้าโศกอีกตลอดกาล ..

--------------------------------------------------------
ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าไม่ใช่เรา
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=9244

      สุ               .เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีจริง ๆ คือจิตเป็นธาตุรู้เมื่อเกิดแล้วต้องรู้ กำลัง
นอนหลับสนิทไม่ใช่คนที่ตายแล้ว มีจิตเกิดดับไหม เป็นสภาพรู้หรือธาตุรู้ แต่อารมณ์ไม่
ได้ปรากฏเหมือนอย่างอารมณ์ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
แต่จิตต้องเป็นธาตุรู้หรือสภาพรู้ ไม่ต้องเรียกอะไรเลย ไม่มีใครเรียกอะไร ก่อนการตรัสรู้
จิต เจตสิก รูปก็เกิดดับสืบต่อก็ไม่มีใครไปเรียกอะไรใช่ไหม แต่ว่าเมื่อได้ตรัสรู้แล้วทรง
แสดงก็มีผู้ที่ใช้คำให้รู้ถึงว่าสภาพที่มีจริง ๆ ให้รู้ว่าสภาพนั้นมีจริง ๆ แล้วก็แม้ไม่เรียกชื่อ
อะไร สภาพธรรมนั้นก็มีเช่นโลภะเกิดแล้ว ๆ คุณสุกัญญาเรียกทีหลัง แต่จริง ๆ แล้ว
ลักษณะนั้นเกิดแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณสุกัญญาก็ไม่ได้คิดถึงคำนี้ใช่ไหม แล้วลักษณะที่เกิด
แล้วก็ดับแล้วด้วย เวลาที่กำลังคิดว่าโลภะขณะนั้นลักษณะของโลภะที่เกิดดับแล้ว ๆ จิต
ขณะนั้นก็นึกถึงคำว่า “โล” แล้วก็นึกถึงคำว่า “ภะ” “โลภะ”
                 ผู้ถาม           แต่จากการที่เราศึกษาพระธรรมก็รู้ ตัวเรามีความรู้ในสภาพที่
เป็นจริงเพิ่มขึ้น แต่ว่ายังไม่เข้าใจ หรือว่ายังไม่ประจักษ์ลักษณะของปรมัตถธรรมที่ท่าน
อาจารย์กล่าวถึงจิต เจตสิก หรือรูป จริง ๆ เลย แต่ว่าพอเราศึกษาพระธรรมแล้ว เรามี
ความเข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมากขึ้น มันก็เหมือนกับว่าเราบังคับตัว
เราให้ต้องสำรวมกาย วาจา อย่างนี้
                 สุ.                เพราะฉะนั้นก็เป็นเราไปจนกว่าจะเป็นพระโสดาบัน
                 ผู้ถาม           แต่ว่าถ้าฟังท่านอาจารย์ว่าสภาพธรรมไม่มีชื่อ สิ่งที่เราบีบ
บังคับตัวเองให้สำรวมกาย วาจาก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องใช่ไหม
                 สุ.                ถ้าไม่มีจิต เจตสิก จะเป็นอย่างนั้นไหม ที่ว่าเป็นเราคืออะไร
                 ผู้ถาม           ที่เป็นเราตามสภาพธรรมก็คือจิต เจตสิก รูป
                สุ.                นี่คือศึกษาเพื่อให้เข้าถึงความเข้าใจอันนี้จริง ๆ ว่าไม่มีเราแต่มี
จิต เจตสิก รูป เพราะฉะนั้นเรียนเรื่องจิต เจตสิก รูป ให้เข้าใจขึ้นเพื่อที่จะได้รู้ว่าเป็นจิต
เจตสิก รูป แต่ละประเภท
                ผู้ถาม           แล้วที่เราสำรวมอย่างนี้
                สุ.                ไม่มีจิต เจตสิก หรือ
                ผู้ถาม           มี
                สุ.                เพราะฉะนั้นขณะนั้นก็เป็นจิต เจตสิก ไม่ใช่เรา แต่ไม่รู้ว่าเป็น
จิต เจตสิก
                ผู้ถาม           แต่ไม่รู้
                สุ.                เพราะฉะนั้นกว่าจะมีความรู้ลักษณะที่เป็นปรมัตถธรรมที่ไม่ใช่
เราก็จะต้องมีการฟังและมีการอบรม แล้วเราจะรู้ว่ายากแค่ไหนเพราะว่าเคยเป็นเรา แม้ว่า
จะไม่พูดว่าเราก็เป็นเรา หรือแม้จะพูดว่าเรา หรือจะพูดว่าไม่ใช่เรา ก็ยังคงเป็นเราที่พูด
ยังคงเป็นเราที่คิด



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก