วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วิปัสนาเพิ่มค่าแก่ชีวิต

“การ เริ่มต้นปฏิบัติวิปัสสนาภาวนานั้น จะเริ่มต้นโดยวิธีไหนก็ได้ เพราะผลมันเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว ที่ท่านสอนแนวปฏิบัติไว้หลายแนวนั้น เพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน จึงต้องมีวัตถุ สี แสงและคำบริกรรม เช่น พุทโธ อรหังเป็นต้น เพื่อหาจุดใดจุดหนึ่งให้จิตรวมอยู่ก่อน สงบแล้วคำบริกรรมนั้นก็หลุดหายไปเอง แล้วก็ถึงรอยเดียวกัน รสเดียวกัน คือมีวิมุติเป็นแก่น มีปัญญาเป็นยิ่ง หลวงปู่ดุลย์”
“การไปหลายสำนัก หลายอาจารย์ การปฏิบัติจะไม่ได้ผล เพราะการเดินหลายสำนักนี้ คล้ายกับการเริ่มต้นใหม่เรื่อย เราก็ไม่ได้หลักธรรมที่แน่นอน บางทีก็เกิดความลังเล งวยงง จิตก็ไม่มั่นคง การปฏิบัติก็เสื่อม ไม่เจริญคืบหน้าต่อไป หลวงปู่ดุลย์”
“จงพยายามให้เรากินกาล อย่าให้กาลกินเรา วันคืนล่วงไปๆ อย่านิ่งนอนใจ ให้รีบเร่งทำความเพียร หลวงปู่ขาว อนาลโย”
“ธรรมมีอยู่ แต่ขาดอุบายปัญญา ก็นั่งโง่นอนโง่อยู่อย่างนั้นเอง หลวงปู่ขาว อนาลโย”
“ครูอาจารย์ดีๆ มีอยู่มากก็จริง แต่สำคัญที่เราต้องปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มาก นั่นแหละจึงจะดี หลวงปู่ดู่”
“การ ปฏิบัติ ถ้าอยากเป็นเร็วๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็น มันก็ประมาทเสีย เลยไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลางๆ ตั้งใจให้แน่วแน่ในกรรมฐานที่ตั้งไว้ ภาวนาเรื่อยไป เหมือนกับเรากินข้าวไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆ กินไป มันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกันไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเราคือภาวนาไป ก็จะถึงของดีของวิเศษในตัว แล้วเราจะรู้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป หลวงปู่ดู่”
“การปฏิบัติ ถ้าหยิบตำราโน้นนี้มาสงสัยถาม มักจะโต้เถียงกันเปล่า โดยมากชอบเอาจากอาจารย์โน่นนี่ว่าอย่างนั้นอย่างนี้มา การจะปฏิบัติให้รู้ธรรมเห็นธรรม ต้องทำจริง จะได้อยู่ที่ทำจริง เอาให้จริงให้รู้ ถ้าไปเรียนกับครูอาจารย์อื่นโดยยังไม่ทำให้จริงให้รู้ ก็เหมือนดูถูกดูหมิ่นครูบาอาจารย์ หลวงปู่ดู่”
“เวลาที่หมดไปสิ้นไป โดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณประโยชน์แก่ตัวเองบ้างในชีวิตที่เกิดมาในโลกและ ได้พบพระพุทธศาสนานี้ ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดายยิ่งนัก เวลาแม้เพียงหนึ่งนาที่ที่ผ่านไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาล ก็ไม่สามารถซื้อกลับคืนมาได้ ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้ จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับปล่อยวันเวลาผ่านไปเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว หลวงปู่สิม พุทธาจาโร”
“การภาวนานั้น ต้องรู้จักเลือกอุบายภาวนา พิจารณา อุบายที่ถูกจริต อาศัยความเพียรอย่างเดียวไม่ได้ กิเลสมันพลิกแพลงเก่งต้องตามให้ทัน คนรู้จักพิจารณาก็ได้บรรลุธรรมเร็ว หลวงปู่สิม พุทธาจาโร”
“คนเรา ต้องบ้าภาวนา จึงจะภาวนาได้ดี เวลาถาวนาอย่าไปกลัวว่า ภาวนาแล้วจะเป็นนั่นเป็นนี่ เพราะเป็นของที่แก้กันได้ ให้กลัวอย่างเดียวว่า จะภาวนาไม่เป็น หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“ให้ภาวนา อย่ามัวแต่ง่วงนอน นอนกันมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว ไม่รู้จักอิ่มสักที มัวแต่เป็นผู้ประมาท ไม่รู้จักรักษามนุษย์สมบัติเอาไว้ ระวังจะเหลือไม่เท่าเก่า หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“พระธรรมถามว่า วันคืนล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่ แล้วเราจะตอบท่านว่ายังไง หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“คน เราเวลานั่งภาวนา กว่าใจจะสงบได้ก็ต้องใช้เวลานานแต่พอจะออกจากที่นั่งก็ทิ้งเลย อย่างนี้เรียกว่า เวลาขึ้นบ้านก็ขึ้นบันได เวลาลงก็กระโดดหน้าต่าง หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“ไปกี่วัดกี่วัด รวมแล้วก็วัดเดียวนั่นแหละคือ วัดตัวเรา หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“คน อื่นเขาด่าเรา เขาก็ลืมไป แต่เราไปเก็บมาคิด เหมือนเขาคายเศษอาหารทิ้งไปแล้ว เราไปเก็บมากิน แล้วจะว่าใครโง่ หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“ธรรมะ เราอ่านมามากแล้ว ฟังมานานแล้ว เราก็ว่าเรา เข้าใจ แต่มันถึงใจ ดีจริงหรือยัง หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“ของจริงขึ้นอยู่กับเรา ถ้าเราทำจริง เราจะได้ของจริง ถ้าเราทำไม่จริง เราจะได้แต่ของปลอม หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก”
“เรา จึงไม่จำกัดรูปแบบการปฏิบัติ แต่มักสอนให้ภาวนา พุทโธ หรือ อานาปานสติ คือการกำหนดลมหายใจเข้าออก ทำไปพอสมควรแล้วจึงค่อยทำความรู้ความเห็นของเราให้ถูกต้องเรื่อยไป หลวงพ่อชา สุภัทโท”
“ต้องเป็นผู้มีสัจจะ ตั้งฐานทัพไว้ให้ดี ตั้งมั่นด้วยความอดทน มานะ สัจจะ เพียรเพ่งเร่งภาวนา ขยันหมั่นเพียร ฝนทั่งให้เป็นเข็มก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเล็กน้อย ความเพียรเป็นตบะเผากิเลส หลวงปู่หล้า เขมปัตโต”
“ศรัทธาเชื่อในเป้า กรรมฐานที่ตั้งไว้ เพียรประกอบกับกรรมฐานที่ตั้งไว้ สติระลึกไว้ในกรรมฐานที่ตั้งไว้ สมาธิตั้งมั่นในกรรมฐานที่ตั้งไว้ ปัญญารอบรู้ในกรรมฐานที่ตั้งไว้นั้น ผลรายรับก็ต้องปรากฏเอง ตามส่วนควรค่าที่ทำน้อยและมาก ให้ผลไม่ลำบาก ไม่นิยมกาลเวลา ไม่เหมือนต้นไม้ผลไม้ อันเป็นของนอก ขอให้สร้างเหตุดีพลีไว้ที่ดวงใจ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต”
“กรรมฐานแต่ละอย่างๆ มีพระคุณอยู่ก็จริง ยาแก้โรคแต่ละอย่างๆ มีคุณอยู่ก็จริง ถ้าวางยาไม่ถูกกับโรคแล้ว โรคก็หายยากด้วย ข้อนี้ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัวของใครของมัน จะสังเกตรู้เองส่วนตัว หลวงปู่หล้า เขมปัตโต”

ป้ายกำกับ:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก